วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555

บุรากุ

ประวัติบุรากุ





    บุนรากุ คือการแสดงละครหุ่นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น เป็นศิลปะชั้นสูงที่ประเทศญี่ปุ่นภาคภูมิใจ บุนรากุ เดิมเป็นชื่อของโรงละครที่จัดแสดงละครหุ่น แต่ได้กลายเป็นชื่อของการแสดงศิลปะแขนงนี้และใช้อยู่จนทุกวันนี้   บุนรากุกลายเป็นที่รู้จักประมาณปลายยุคสมัยเมจิ (1868-1962)  ก่อนหน้านั้น ศิลปะแขนงนี้เรียกว่า อะยาทซึริ โจรุริ ชิไบ หรือ นิงเกียว โจรุริ หรือการแสดงนิทานหุ่น (ในสมัยโบราณนิยมละครที่ใช้วิธีการเล่าเรื่องเชิงพรรณนาโวหารด้วยบทกวี ไม่ใช้บทพูดเหมือนปัจจุบัน) ปัจจุบัน โจรุริ เป็นชื่อของดนตรีชามิเซ็น (เครื่องดนตรีของญี่ปุ่นที่มีสามสายใช้ดีดมีลักษณะเหมือนกีตาร์หรือเบนโจ) ซึ่งชื่อนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงบทของละครหุ่นที่ใช้แสดงด้วยการร่ายประกอบดนตรี (เหมือนการแสดงหุ่นหลวงหรือโขนบ้านเรา) โลกแห่งบุนรากุที่ได้บัญญัติขึ้นมาใหม่นี้ที่ไม่เพียงแต่คุณภาพของการใช้เทคนิคศิลปะชั้นสูง แต่ด้วยการใช้ดนตรีโจรุริชั้นสูงและเอกลักษณ์ของการเชิดหุ่นที่เป็นธรรมชาติ โดยหุ่นแต่ละตัวจะใช้นักเชิดหุ่น 3 คน ทำให้หุ่นมีชีวิตชีวาขึ้นมา 

 เวทีของนักดนตรี (YUKA)



     นี่เป็นขั้นตอนของการขยายเวทีซึ่งพวกซามูไร จิดายุ จะเป็นผู้ดำเนินการ เวทีจะขยายออกไปด้านข้างทางผู้ชมด้านขวา ส่วนที่ขยายออกมานี้จะเป็นที่สำหรับเปลี่ยนผู้เล่นดนตรีซามิเซนเมื่อพวกเขาเล่นเสร็จ แกจะถูกปิดลงเพื่อให้พวกเขาตรียมตัวแสดงเพลงต่อไป



การแบ่งส่วนของราวบันได(Tesuri) และหลุม (Funazoko) 







ระหว่างด้านหลังสุดและด้านหน้าสุดของเวทีจะมีการแบ่งอยู่ 3 ส่วน ส่วนที่1 เรียกว่า ราวบันได ส่วนที่ 2 เรียกว่าหลุม และส่วนที่ 3 จะเป็นส่วนของผู้ที่เล่นหุ่นยืนอยู่ เวลาพวกเขาเคลื่อนย้ายหุ่นพวกเขาจะเคลื่อนหุ่นไปตามราวบันไดเพื่อให้หุ่นดูเหมือนจริงในการเดินบนพื้น อาคาร หรือไปตามฉากต่างๆ

ผ้าม่านขนาดเล็ก (Komaku) และห้องพักนักแสดงก่อนออกแสดง (Misuuchi)




เมื่อคุณมองจากส่วนของผู้ชมไปที่เวทีทางด้านขวามือของคุณจะเรียกว่า ซ้ายเวที และทางด้านซ้ายมือของคุณจะเรียกว่า ขวาเวที ผ้าม่านทั้งว้ายและขวาจะถูกปล่อยลงมาไว้ข้างหลังของหุ่น ห้องพักนักแสดงข้างต้นจะเป็นเพียงผ้าม่านขนาดเล็ก พวกเขาจะตั้งไม้ไผ่ไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชมเห็นภายในห้องของเขา ด้านขวาของผู้ชมจะเล่น Chanters เล่นโดยหนุ่มสาวที่เชี่ยวชาญดนตรีซามิเซนและบนฝั่งตรงข้ามจะเป็นวงดนตรีที่เล่นเครื่องดนตรีประเภท ขลุ่ย กลองติด กลองมือและระฆัง และทำให้เกิดบรรยากาศโดยการสร้างเสียง เช่น เสียงลม ฝน และการไหลของแม่น้ำเป็นต้น

คนเชิดหุ่น




หุ่นของบุรากุส่วนใหญ่จะถูกบังคับโดยผู้ชายสามคนพร้อมๆกันโดยหัวหน้าทำหน้าที่บังคับส่วนหัว และการแสดงอารมณ์จากใบหน้าและการใช้มือด้านขวา (Omo-zukai)  คนที่สองทำหน้าที่บังคับมือซ้าย(Hidari-zukai) และส่งอุปกรณ์เช่นพัดหรือเครื่องดนตรีให้กับตัวหุ่นถือคนสุดท้ายหรือคนที่สามทำหน้าที่บังคับขอทั้งสองข้าง(Ashi-zukai)  ผู้ช่วยชักหุ่นทั้งสองคนจะต้องชักหุ่นให้เข้ากับจังหวะของหัวหน้าพร้อมๆกับการร่ายรำที่เข้ากับจังหวะซามิเซนด้วย

กลไกของหุ่น

A puppet out of costume





 หัวของหุ่นจะแกละสลักจากไม้และทำให้กลวงเพื่อที่จะเอา Hade-Grip มาติดและหุ่นจะมีผ้าคลมไหล่ทั้งสองด้านทั้งด้านหน้าและด้านหลังเขาจะนำไม่ไผ่มาทำเป็นห่วงและนำมาติดกับผ้าเพื่อสร้างเป็นไหล่ของหุ่นให้ดูสมจริง แขนและขาจะแยกต่างหากและนำสายที่ติดไหล่โยงมาติดกับแขน และขา หุ่นผู้หญิงจะไม่มีขาเพราะเขาจะนำผ้าคลุมมาปิดจนไม่เห็นขาของหุ่นจะมีเพียงเท้าที่ใช้เดินเขาจะนำกระบองไม้ยาวมาติดที่มือซ้ายของหุ่นเพื่อจะเอาไว้เชิดแขนซ้ายและมือหุ่น

 หัวหุ่น



หัวของหุ่นบุรากุจะแบ่งออกเป็นเพศชาย และเพศหญิงที่จัดเป็นหมวดหมู่ตามระดับชั้นของสังคมและบุคลิกภาพที่แตกต่างกันไป บทบาทของตัวหุ่นจะสะท้อนให้เห็นลักษณะพิเศษของตัวหุ่น และการเล่นที่แตกต่างกันบางครั้งอาจใช้หัวหุ่นเดียวกันในการเล่นละครเรื่องอื่นบางครั้งเพื่อให้หุ่นกับบทบาทที่ได้รับนั้นมีลักษณะที่ตรงกันพวกเขาจะทาสีหุ่นเพื่อให้โทนสีผิวเหมาสมกับวิกผมของตัวหุ่นและอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นหัวที่ใช้ในการแสดงเป็นตัวนั้น และตัวละครหุ่นบางตัวอาจจะใช้เฉพาะ บทบาทในเรื่องนั้นและการแสดงหุ่นจะมีผู้ดูแลแต่ละส่วนเช่นส่วนของสปริงที่ใช้ในการควบคุมการเคลื่อนไหวของตาและปาก เมื่อสปริงมีปัญหาพวกเขาจะรีบแก้ไขทันที

กลไกของหัวหุ่น


การเคลื่อนไหวของตา, คิ้วและปากของหัวหุ่นจะทำได้ด้วยการย้ายด้วยนิ้วมือของมือซ้ายของเขาคันโยกที่แนบมากับที่ติดในลำคอของหุ่น ถ้าเขาโยกไปแนบกับตัวลวดสปริงจะทำให้ ซามิเซน หัวของหุ่นพยักหน้าขึ้นและลงในเวลาที่จะฟังเพลง การเคลื่อนไหวนี้ยังอาศัยสิ่งพิเศษที่เรียกว่าลวดสปริงซึ่งเป็นที่ทำมาจากกระดูกในปากปลาวาฬ


วิธีทำ




การเลือกไม้และการทำภาพร่าง
ชนิดของไม้จะใช้ไม้จากต้นไซเปรซ จะวาดภาพลางๆก่อน ซึ่งจะเริ่มจากจุดศูนย์กลางจากนั้นก็วาดตำแหน่งของดวงตาและจมูก





เริ่มแกะสลักดวงตาและจมูกที่เราวาดไว้ในการแกะสลักหัวนี้เป็นเพียง 80%ของงานทั้งหมด




กลไกของหุ่น
เมื่อแกะสลักเสร็จแล้วให้แบ่งหัวออกเป็นสองชิ้นคือด้านหน้าและด้านหลัง(ตั้งแต่หลังหูของหุ่น) และเริ่มติดกลไกการเคลื่อนไหวของคิ้วและตา



ติดหัวกับโดกุชิ  ติดโดกุชิที่แนบมาติดกับศีรษะและติดคอของหุ่น



ผลงานเสร็จสิ้น
เมื่อได้ติดทุกอย่างสมบูรณ์แล้วก็จะทาสีขาวบนหัวหุ่นก่อนที่จะเอาสีอื่นมาทา Gofun ทำจากเปลือกหอยชนิดผงและได้ผสมกาวและนำมาทาที่หน้าของหุ่นเพื่อบงบอกลักษณะของตัวละครที่แตกต่างกัน

วิกผมของหุ่นเชิด





วิกผมของหุ่นบุรากุที่เรียกว่า Kazura มีรูปแบบขึ้นอยู่กับตัวหุ่นเป็นงานของผู้ออกแบบวิกผม(เรียกว่า Tokoyama) ที่เย็บและสร้างทรงผมที่เหมาะสมสำหรับบทบาทของหุ่น นอกจากนี้ Tokoyama ไม่เพียงแต่ออกแบบทรงผมเขายังนำแผ่นทองแดงมาติดกับผมและผมที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นผมมนุษย์ บางครั้งเพื่อให้ผมดูเยอะสมจริงเขาจะใช้วิกผมสำเร็จรูปมาช่วยเพื่อให้ดูสมจริงมากยิ่งขึ้นเมื่อสร้างทรงผมเสร็จเขาจะนำ น้ำและขี้ผึ้งมาจัดแต่งทรงผม จะไม่นิยมใช้น้ำมันเพราะจะทำให้ใบหน้าของหุ่นเลอะ




เครื่องแต่งกายหุ่น





           














หุ่นจะใส่กิโมโนภายใน และคลุมด้วยเสื้อคลุม แจ๊คเก็ตด้านนอกหรือเสื้อคลุมด้านนอก และสายสะพายเหมือนเข็มขัด เพื่อให้ตุ๊กตานุ่มภายไต้เสื้อผ้าจะยัดด้วยผ้าฝ้ายนอกจากน้จะมีรูภายไต้เสื้อคลุมเพื่อใช้ในการบังคับหุ่นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายจะออกแบบการแต่งกายที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับบทบาทหน้าที่ของตัวหุ่นและคนเชิดหุ่นยังมีส่วนร่วมที่เรียกว่า Koshirae หรือดูแลเสื้อผ้าของหุ่นเพราะก่อนที่พวกเขาจะใช้แสดงถ้าผ้ายคลุมชำรุด เสียหายหรือเปลื้อนคาบสกปรกในสถานที่ก่อนออกแสดงพวกเขาก็จะรักษาให้กลับมาในสภาพเดิมและเตรียมชุดใหม่ของหุ่นเพื่อที่จะเล่นต่อไป

อุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้ในการแสดง



อุปกรณ์ประกอบฉากขนาดเล็กที่แนบมากับตัวหุ่น เช่น ดาบ หรือผ้าเช็ดหน้าแม้กระทั้งที่ติดทรวงอกและอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดแสงบนไหล่ของหุ่นนอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์ต่างๆที่ติดตัวอีกมากทั้งหมดนี้เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ถือขนาดเล็ก ผู้เตรียมอุปกรณ์จะเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ที่จะใช้ในการแสดงแต่ละครั้ง พวกเขาจะสั่งซื้ออุปกรณ์อันใหม่เสมอและจะทดลองการใช้งานของอุปกรณ์ก่อนที่จะนำไปให้ผู้เชิดหุ่นแสดงบนเวที

ที่มา















1 ความคิดเห็น: